ไม่มีใครคาดคิดว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะส่งผลกระทบอย่างหนักต่อเศรษฐกิจโลก รวมถึงเศรษฐกิจของประเทศไทย ข้อมูลจากธนาคารแห่งประเทศไทยและกองทุนการเงินระหว่างประเทศคาดว่า เศรษฐกิจไทยในปี 2563 อาจมีแนวโน้มหดตัวสูงถึง -8.1% และ 6.7% ตามลำดับ หลายธุรกิจได้รับผลกระทบไม่มากก็น้อย บ้างต้องปรับกลยุทธ์เพื่อพาธุรกิจให้อยู่รอด และมีไม่น้อยที่ต้องถอยทัพปิดกิจการไป
กลุ่มธุรกิจอุตสาหกรรมรถยนต์ไทยเองก็ต้องเผชิญศึกอย่างหนัก ยอดขายภาพรวมติดลบจนถูกมองว่าเป็นกลุ่มธุรกิจที่มีแนวโน้มฟื้นตัวยาก แต่การติดลบของตลาดไม่ได้ส่งผลกระทบกับ ‘ซูบารุ’ แบรนด์ยานยนต์สัญชาติญี่ปุ่น เท่าไรนัก เพราะหากวิเคราะห์ถึงเหตุผลในการตัดสินใจซื้อรถยนต์สักคัน ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการที่ยังต้องใช้รถยนต์ในการทำธุรกิจ หรือผู้ขับขี่ทั่วไป การใช้รถสาธารณะจึงอาจไม่ตอบโจทย์ หรือเมื่อคนเริ่มกังวลและหวงแหนพื้นที่ปลอดภัยของตัวเองมากขึ้นในวิถีชีวิตของ New Normal ผู้บริโภคคงต้องคำนึงถึงความคุ้มค่าและปลอดภัยไปด้วยกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่า ทำไมซูบารุจึงเป็นตัวเลือกสำคัญที่ผู้บริโภคจำนวนมากยังคงให้ความไว้วางใจ
‘ถ้าจะรอดก็ต้องรอดด้วยกัน’ แนวคิดการเดินทางคู่ขนานระหว่างการทำธุรกิจ และการเข้าไปนั่งในใจผู้บริโภค
นอกเหนือจากความมุ่งมั่นพัฒนานวัตกรรมยานยนต์ที่ซูบารุทำมาตลอด 60 ปี สิ่งที่แบรนด์เน้นย้ำและให้ความสำคัญอยู่เสมอคือ ต้องเป็นแบรนด์ที่อยู่เคียงข้างผู้บริโภค เพื่อมอบทั้งความคุ้มค่าและความปลอดภัย ยิ่งสถานการณ์ที่คนไทยต้องเผชิญกับผลกระทบจากเศรษฐกิจในครั้งนี้ ยิ่งต้องช่วยเหลือคนไทยให้ผ่านวิกฤตอันแสนสาหัสครั้งนี้ไปด้วยกัน โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการรายเล็กที่สายป่านสั้น ขาดแรงผลักดันในการทำการตลาด หรือโปรโมตตัวเองแม้ในยามปกติก็ตาม เมื่อต้องตั้งรับวิกฤตโควิด-19 ยิ่งย่อมยากเกินจะรับมือ
จึงเป็นที่มาของแคมเปญการตลาดภายใต้แนวคิด ‘เพราะความสุขมีอยู่ในทุกการเดินทาง’ จากซูบารุ อันถูกคิดขึ้นเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการสนับสนุนกิจการร้านอาหาร โรงแรม โฮสเทล หรือธุรกิจ SMEs เล็กๆ ที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 โดยกิจกรรมครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากเหล่าผู้มีอิทธิพลทางความคิดมากมายมาร่วมเป็นกระบอกเสียง ช่วยส่งแรงขับเคลื่อนให้ธุรกิจต่างๆ ได้มีรายได้ มีกำไร และก้าวผ่านวิกฤตครั้งนี้ ผ่านการเดินทาง ท่องเที่ยว พักผ่อน กินอาหารตามโรงแรม ร้านอาหาร หรือธุรกิจ SMEs ทั่วไทย เพื่อโปรโมตธุรกิจเหล่านี้ในช่องทางต่างๆ เพื่อถ่ายทอดเรื่องราว โดยมีรถ Subaru Forester 2.0i-S EyeSight ยนตรกรรมที่มาพร้อมความปลอดภัย เป็นยานพาหนะที่มอบทั้งความสุขและความปลอดภัยตลอดการเดินทาง
สร้างความปลอดภัยให้ทุกชีวิต สร้างความสุขในทุกการเดินทาง
อย่างที่ทราบกันดีว่า ซูบารุให้ความสำคัญกับงานวิศวกรรมด้านการขับขี่ และความปลอดภัยมาโดยตลอด จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ซูบารุส่ง Subaru Forester 2.0i-S EyeSight เป็นพระเอกสำคัญในการขับเคลื่อนกิจกรรม ‘เพราะความสุขมีอยู่ในทุกการเดินทาง’ ครั้งนี้ซูบารุยังคงไม่หยุดที่จะเดินหน้าต่อไป เพื่อมุ่งสู่การเป็นรถยนต์ที่ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตด้วยการพัฒนา 4 เทคโนโลยีอันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซูบารุให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น พร้อมเสริมนวัตกรรมเทคโนโลยีกว่า 100 รายการ เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์สู่โลกไอทีอย่างเต็มตัว
4 เทคโนโลยีสุดล้ำใน Subaru Forester 2.0i-S EyeSight สู่การขับเคลื่อนที่เหนือชั้น
- Subaru Global Platform โครงสร้างพื้นฐานใหม่แข็งแกร่งกว่าเดิม ลดการสั่นสะเทือนได้ดีขึ้น ลดแรงปะทะในห้องโดยสารกรณีเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น
- Symmetrical All-Wheel Drive ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อแบบสมมาตร กระจายการทำงานไปให้ทั้ง 4 ล้ออย่างเหมาะสม จึงยึดเกาะถนนอย่างมีประสิทธิภาพในทุกสภาพถนน
- Boxer Engine ระบบเครื่องยนต์จุดศูนย์ถ่วงต่ำที่เป็นเหมือนซิกเนเจอร์ของซูบารุ การวางเครื่องยนต์แบบสมมาตรช่วยสร้างความสมดุลและสร้างสมรรถนะการควบคุมรถที่เหนือกว่า จึงยึดเกาะถนนมากขึ้น
- EyeSight เทคโนโลยีเสริมความปลอดภัยที่เป็นเสมือนดวงตาอีกคู่ยามขับขี่ ลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน สามารถประมวลผลทั้งในระยะใกล้-ไกล ได้ราวกับเป็นดวงตาของมนุษย์ ทำงานผ่านกล้อง 2 ตัว ที่ติดบริเวณกระจกหน้า มาพร้อมด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสุดมากมาย เช่น ระบบช่วยเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติ (Pre-Collision Braking) ที่จะเริ่มทำงานที่ความเร็วเพียง 1 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เช่น หากมีรถขับตัดหน้า มีสิ่งของกีดขวาง หรือมีคนอยู่บริเวณหน้ารถ ระบบจะประมวลผล แจ้งเตือนพร้อมกะพริบไฟที่หน้าปัด เพื่อให้ผู้ขับขี่เหยียบเบรก และจะเบรกอัตโนมัติทันที หากผู้ขับขี่ไม่ยอมแตะเบรก แต่ถ้าเมื่อไรที่ EyeSight ตรวจพบว่า มีสิ่งกีดขวางด้านหน้ารถหรือผู้ขับขี่เผลอเหยียบคันเร่งแทนเบรก ระบบจัดการกำลังเครื่องยนต์ก่อนการชน (Pre-Collision Throttle Management) ก็จะไม่สั่งการคันเร่ง เพื่อป้องกันรถพุ่งชนสิ่งกีดขวาง
มากไปกว่าการแจ้งเตือนก่อนเกิดอุบัติเหตุ EyeSight ยังทำหน้าที่เสมือนผู้ช่วยขับขี่ ในบางครั้งที่ผู้ขับขี่กำลังเพลิดเพลินกับหน้าจอโทรศัพท์หรือพูดคุยกับเพื่อนร่วมทาง จนลืมดูว่ารถคันหน้าเคลื่อนตัวไปแล้ว ระบบเตือนเมื่อรถคันข้างหน้าเคลื่อนที่ (Lead Vehicle Start Alert) จะแจ้งเตือนให้คุณขับต่อ เข้าใจง่ายๆ ก็ช่วยเป็นหูเป็นตาให้ผู้ขับขี่นั่นเอง และยังฉลาดล้ำ สามารถเป็นมือขวาแทนด้วย ระบบช่วยขับขี่ (Adaptive Cruise Control) ทำหน้าที่ควบคุมและปรับความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผันตามรถคันหน้า เมื่อกดใช้งานระบบนี้เมื่อไร การขับขี่บนท้องถนน โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ จะง่ายมากยิ่งขึ้น ยิ่งเวลารถติดๆ แบบในกรุงเทพฯ ระบบนี้จะทำหน้าที่เคลื่อนที่และเบรกได้ตามระยะห่างที่เหมาะสม หากรถคันหน้าเคลื่อนที่ก็เคลื่อนที่ตาม เมื่อรถคันหน้าชะลอก็ชะลอตาม ผู้ขับขี่ไม่ต้องคอยเหยียบเบรกหรือคันเร่งทีละนิดๆ ให้เมื่อย
นอกจากนี้ยังมั่นใจได้เลยว่า เทคโนโลยี EyeSight ดวงตาที่เปรียบเสมือนผู้ช่วยในการดูแลด้านความปลอดภัยที่ติดตั้งมากับ Subaru Forester 2.0i-S EyeSight จะช่วยให้คุณขับขี่ได้อย่างปลอดภัยจริงๆ เพราะการันตีด้วยรางวัลด้านความปลอดภัยระดับโลกมากมาย เช่น รางวัลมาตรฐานความปลอดภัย 5 ดาว ด้วยคะแนนรวมสูงที่สุดในกลุ่มรถยนต์ออฟโรด/อเนกประสงค์ขนาดเล็ก ประจำปี 2562 (Best in Class) จากองค์กรทดสอบการชนของรถยนต์ใหม่แห่งยุโรป EURO NCAP และยังคว้าคะแนนสูงที่สุดในหัวข้อ ‘การป้องกันผู้โดยสารที่เป็นเด็ก (Child Occupant Protection)’ และ ‘ความปลอดภัยในอุปกรณ์ช่วยเหลือต่างๆ (Safety Assist)’ ตอกย้ำความเชื่อมั่นอีกขั้นด้วยรางวัลชนะเลิศจากโครงการประเมินรถยนต์ใหม่ของญี่ปุ่น (JNCAP) ประจำปี 2561 ในด้านความปลอดภัยจากการชน โดยทำคะแนนสูงสุดประเภทยานพาหนะปลอดภัยขั้นสูง ระดับ 3 บวก (ASV +++)
การลงทุนในราคา 1.47 ล้านบาท เพื่อให้ได้ Subaru Forester 2.0i-S EyeSight มาครอบครอง รถยนต์สมรรถนะดี เทคโนโลยีด้านความปลอดภัยครบครัน พร้อมลุยทุกสถานการณ์ จึงดูเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคยุคนี้
ทดลองขับและทดสอบประสิทธิภาพของเทคโนโลยี EyeSight เทคโนโลยีความปลอดภัยระดับโลกด้วยตัวเองที่โชว์รูมซูบารุทั่วประเทศ https://hubs.ly/H0rXnLk0
- กลุ่มตันจง อินเตอร์เนชันแนล (TCIL) ทุ่มงบกว่า 5 พันล้านบาท เปิดโรงงานประกอบรถยนต์ซูบารุอย่างเป็นทางการแห่งแรกในประเทศไทย เพื่อผลิตซูบารุ ฟอเรสเตอร์ ตอบสนองความต้องการของลูกค้าในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเพื่อให้บริษัทฯ มีความคล่องตัวในการผลิตและการกำหนดราคารถยนต์ โดยคงไว้ซึ่งศักยภาพการแข่งขันในตลาด และเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น
- ตอกย้ำความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภค และรองรับการเปิดดำเนินการของโรงงานใหม่แห่งแรกในไทย ปัจจุบันซูบารุมีศูนย์บริการและศูนย์บริการตัวแทนจำหน่ายรวม 35 รายทั่วประเทศ อนาคตจะมีการนำเทคโนโลยี AR และ VR เข้ามาใช้ เพื่อให้เป็นโชว์รูมยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ ลูกค้าสามารถสัมผัสรถหรือทดลองขับรถเสมือนจริงแม้ไม่ต้องอยู่บนถนน รวมทั้งการทดลองตกแต่งรถ เปลี่ยนสีและรุ่นได้ทุกรุ่นด้วยตนเอง
"มีอิทธิพล" - Google News
July 10, 2020 at 02:30PM
https://ift.tt/32cMilj
เมื่อ 'ความปลอดภัย' เป็นสิ่งสำคัญสูงสุดของผู้บริโภคในยุค New Normal แล้วรถยนต์แบบใดที่จะตอบโจทย์ดังกล่าว [Advertorial] - thestandard.co
"มีอิทธิพล" - Google News
https://ift.tt/3gIvPK6
Home To Blog
No comments:
Post a Comment